top of page

4 หน้าที่ ของคุณแม่ในงานแต่งงานของคุณ

เขาบอกว่าความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน แต่สำหรับการแต่งงานเกรงคงจะไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของคนหลายคนเลยทีเดียว ทั้งการจัดงาน สถานที่ อาหาร เชิญแขก เตรียมของ พรีเวดดิ้ง เช่าชุด เสื้อผ้า หน้า ผม ช่างภาพงานแต่ง และอีกมากมาย

แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญและพลาดไปไม่ได้เลยนั่นคือ การปฏิบัติให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยเรานั่นเอง

วันนี้เราจะมาพูดถึงความสำคัญหรือบทบาทหน้าที่ของคุณแม่ในงานแต่งงานของคุณลูกสุดที่รัก อันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 อย่างหลักๆ

1. ในพิธีการรับสินสอด

อาจจะฟังดูเหมือนนั่งนับเงินสบายๆ แต่ของแบบนี้มันมีเคล็ดอยู่ด้วยนะครับ โดยปกติตอนที่เจ้าบ่าวมาสู่ขอเจ้าสาวก็จะต้องพกสินสอดตามที่เจรจากับพ่อแม่เจ้าสาวห่อมาด้วยผ้าสีแดงหรือสีเงินสีทองใส่พานมาวางในพิธีให้เรียบร้อย หลังจากสู่ขอเรียบร้อยก็จะเป็นการนับสินสอดโดยปกติแม่ของเจ้าสาวก็จะเป็นคนเปิดห่อออกมานับว่าครบไหมโดยจะยกผ้าลงมาแบกับพื้นและคุณแม่อาจจะนับแค่พอเป็นพิธี ปกติแล้วทางเจ้าบ่าวจะนิยมใส่สินสอดมาเกินจำนวน เพื่อให้คุณแม่อุทานมาว่า “เงินงอก” เป็นเคล็ดว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่กินกันต่อไปจะได้มีเงินงอกเงยหลังจากที่นับสินสอดเสร็จแล้วผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันโปรยถั่ว, งา, ข้าวเปลือก, ข้าวตอก, ดอกไม้, ใบเงิน และใบทอง ที่บรรจุมาในพานขันหมากเอก ลงบนสินสอด เพื่อเป็นการให้พรแก่ทั้งคู่ให้จงเจริญ งอกงาม เหมือนถั่วเหมือนงา และเจริญรุ่งเรืองเหมือนข้าวตอก, ดอกดาวเรือง และมีความรักยืนยาวเหมือนดอกบานไม่รู้โรย จากนั้นแม่ของเจ้าสาวจะห่อสินสอดด้วยผ้า แล้วแบกขึ้นไว้บนบ่าตามประเพณี เพื่อให้พูดเอาเคล็ดอีกว่า "ห่อนี้หนักจริง ๆ คงมีเงินงอกงามมากมาย" รวมทั้งทำท่าหนัก เป็นอันจบพิธี

 

2. ในพิธีการรับไหว้

สำหรับพิธีการรับไหว้อันนี้จะขาดไปไม่ได้เลยนะครับ เพราะเป็นการแสดงความเคารพต่อพ่อแม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายแถมพิธีนี้คู่บ่าวสาวจะได้รับเงินไปเป็นทุนให้ตั้งตัวกันอีกด้วย โดยจะเริ่มจากเมื่อพ่อแม่ฝ่ายหญิงหรือชายไปนั่งคู่กันในที่จัดไว้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งนั่งคู่กันอยู่ตรงข้าม จะกราบลงพร้อมกันที่หมอนสามครั้ง (รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย) แล้วส่งพานดอกไม้ธูปเทียนให้ พ่อแม่รับและให้ศีลให้พรอวยพรให้ทั้งคู่ หลังจากนั้น หยิบเงินรับไหว้ใส่ในพาน หยิบด้ายมงคลหรือสายสิญจน์เส้นเล็กๆ ผูกข้อมือให้คู่บ่าวสาวแสดงการรับไหว้ ต่อจากนั้น จึงนำถั่วงา และแป้งประพรมพร้อมอวยพรเป็นอันจบพีธี

 

3. ในพิธีรดน้ำสังข์

หลังจากที่คู่บ่าวสาวได้ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังพระสวดพุทธมนต์ และถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ก็ได้ฤกษ์รดน้ำหรือหลั่งน้ำสังข์ ในพิธีนี้หลักๆจะเริ่มจากพระสงฆ์ก่อนโดยจะทำการเจิม เอาสายสิญจน์มาทำเป็นมงคลแฝดสวมให้ทั้งคู่บ่าวสาว ทำพิธีโน่นนี่นั่น ในคู่บ่าวสาวต้องนั่งในที่จัดไว้ ซึ่งจะมีหมอนสำหรับรองรับมือและพานรองน้ำสังข์ คุณพ่อคุณแม่ญาติผู้ใหญ่ก็จะทยอยกันมารดน้ำสังข์ตามลำดับ

สาเหตุที่ต้องใช้หอยสังข์เพราะว่า ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่า หอยสังข์เป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 14 อย่าง อันเกิดจากกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร บ้างเชื่อว่าครั้งหนึ่งสังข์อสูรได้ลักเอาพระเวทไปซ่อนไว้ในหอยสังข์ พระนารายณ์ได้อวตารไปปราบและสังหาร แล้วทรงล้วงเอาพระเวทออกมาจากสังข์ ทำให้ปากหอยสังข์มีรอยพระหัตถ์ของพระนารายณ์ จึงถือกันว่าสังข์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเคยเป็นที่รองรับพระเวท การนำมาใส่น้ำมนต์รดให้คู่บ่าวสาว เชื่อกันว่าเป็นสิริมงคล

 

4. ในพิธีการปูที่นอนและส่งตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ

การส่งตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอไม่ได้หมายถึงการส่งเข้านอนแต่อย่างใดนะครับ จริงๆแล้วลำดับพิธีการของมัน ก็คือ พ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาวจะเชิญผู้มีเกียรติ ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาอาวุโส ให้ทำพิธีปูที่นอนในห้อง หรือเรือนหอ ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานอยู่กินกันมาจนแก่เฒ่า มีฐานะดีและมีลูกหลานที่เลี้ยงง่ายและลูกๆ ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน หลังจากทำการโปรยวัตถุมงคลลงบนเตียงเสร็จผู้ทำพิธีฝ่ายชายก็ล้มตัวนอนทางด้านขวา ฝ่ายหญิงนอนทางซ้าย เป็นการนอน เอาเคล็ดเหมือนเป็นแบบอย่างให้คู่บ่าวสาวได้มีความรักและครอบครัวที่ดีพร้อมตามรอยผู้ทำพิธี ผู้ทำหน้าที่ปูที่นอนหลังจากนอนหลับตาไปครู่หนึ่งพอเป็นพิธีก็ลุกขึ้นแล้ว โดยทำเป็นเพิ่งตื่นนอน ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะพูดในสิ่งอันเป็นมงคล เช่น ฝันว่ามีลูกดีๆเต็มบ้าน เงินทองร่ำรวยอย่างโน้น อย่างนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีงามเพื่อเป็นสิริมงคลกับคู่บ่าวสาว ต่อไปก็ถึงตาของคู่บ่าวสาวเข้าไปยังเรือนหอโดยให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงนำเจ้าสาวมาส่งให้เจ้าบ่าว พร้อมทั้งกล่าวฝากฝังให้ช่วยดูแล ฝ่ายเจ้าบ่าวก็รับปากรับคำเป็นอย่างดี จากนั้นพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ก็จะเข้าไปอบรมคู่บ่าวสาว ให้รู้จักหน้าที่ของสามีภรรยาที่ดีซึ่งต่อไปจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน แล้วให้คู่บ่าวสาวนอนลงที่นอนอีกสักครู่หนึ่งเป็นอันจบพิธี

Credit Photo: topicstock.pantip.com, we-mag.com, bangpoosociety.com

Featured Posts
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts