ความทรงจำผ่านการสัมผัส

การถ่ายรูป แต่งงาน ของคู่บ่าวสาว ไม่ว่าจะเป็นพิธีหมั้น หรือพิธีแต่งงาน นอกเหนือจากการเก็บจากไฟล์ภาพ ก็เหมือนกับการเก็บบันทึกลงเม็มโมรีชีวิต ที่มาจากการตัดสินใจของคนสองคนที่อยากใช้ชีวิตคู่ให้เป็นครอบครัวอย่างมีความสุข แต่ก็มีบางคู่ที่มาจากการคลุมถุงชน หรือมาจากความผิดพลาดที่เค้าเรียกกันว่าเลยตามเลย หรือวิวาห์เหาะ
หากถามว่าการจัดงานแต่งงานกับการมาอยู่ด้วยกันเฉยๆ มีความต่างกันอย่างไร แน่นอนว่าล้านเปอร์เซ็นต์ การจัดงานแต่งเป็นการประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่าคู่รักที่พร้อมจะร่วมสร้างครอบครัวกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ในส่วนของการดำเนินชีวิตแล้วไม่ว่าจะแต่งงานหรือไม่ได้แต่ง ต่างก็เริ่มเข้าสู่คำว่า “ครอบครัว” ซึ่งหากเป็นความโชคดีของทั้งสองฝ่ายก็จะทำให้มีชีวิตคู่ที่ยาวนาน
มีเรื่องเล่าว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านพิธีแต่งงานมาหลายปี ซึ่งแม้จะมีการถ่ายรูปแต่งงานไว้เป็นความทรงจำดี ๆ แต่นั่นอาจไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกรักษาความรู้สึกดีๆที่มีต่อภรรยาไว้ ซ้ำยังเปลี่ยนใจหันไปหากิ๊ก และพร้อมที่จะออกจากบ้านไปอยู่ด้วยกัน เมื่อเขานำเรื่องการหย่ามาบอกกับภรรยา แน่นอนว่าความเสียใจมันคงจะจุกอยู่เต็มอกแต่เธอก็ยอมรับมัน..พร้อมกับเงื่อนไขที่ขอฝ่ายชายคือ ขอให้เขาได้อุ้มเธอเป็นเวลาหนึ่งเดือนจากห้องนอนไปยังประตูบ้านทุกเช้าเมื่อเห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร และยังไงก็ต้องไปอยู่ดี ทำให้ฝ่ายชายรับปาก สองอาทิตย์แรกเขาอาจจะยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อนับถอยหลังใกล้จะครบหนึ่งเดือน เขากลับพบว่าความรู้สึกได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก จากที่ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวแฟนสาวตั้งแต่มีกิ๊ก เมื่อได้กลับมาสัมผัสกัน ความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อเธอในอดีตเริ่มกลับมาอีกครั้ง การได้ทบทวนความคิดบางอย่างพร้อมกับดูรูปแต่งงาน ทำให้เขารู้แล้วว่า สิ่งที่เค้าทำลงไปนั้นมันผิดต่อเธอมาก... และนั่นทำให้เค้าได้กลับมาสู่คำว่า “ครอบครัว” อย่างแท้จริง
จะมีอีกสักกี่คนที่จะรู้สึกและสำนึกได้ กับภาพความทรงจำดี ๆ หากรู้จักหันหน้าเข้าหากันก็จะทำให้ การใช้ชีวิตครอบครัวอยู่กันได้ยาวนานตลอดไป แม้จะมีปัญหากันบ้างก็ต้องช่วยกันแก้ไข..แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีเอง
Credit Photo: Pinteres.com